องค์ที่ 2 " เมื่อ น.ส ไม่มี น.ส 3 ก็เลยงามหน้า กระทาชาย "
เมื่อมีคนสงสัยว่า " หนองญาติ " แต่เดิมที่รัฐบาลสมัยนั้นอนุมัติที่สาธารณะน้ำท่วมถึงให้แค่ 100 ไร่ แล้วกลายมาเป็น 3,284 ไร่และเป็นที่ราชพัสดุได้อย่างไร
จึงมีหนังสือไปขอข้อมูลข่าวสารกับธนารักษ์พื้นที่นครพนม
ซึ่งฝ่ายนั้นก็ดีใจหาย รีบมีหนังสือตอบมาทันใด


อ้อ หนองญาติ ได้มาโดยการซื้อมาจากเจ้าของที่ดินตามสัญญาซื้อขาย โดยมีหลักฐาน น.ส 3 จึงเป็นที่ราชพัสดุ ตามมาตรา 5 ที่ว่า ได้มาโดยการเวนคืนหรือการแลกเปลี่ยนหรือโดยประการอื่น
เมื่อฟังแล้วก็ดูดีนะ เพราะเป็นการชี้แจงที่มีหลักฐานหลักการดีตามรูปแบบของทางราชการ เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยความเข้าใจดี
หากแต่ ยังมีกระทาชายนายหนึ่ง ที่เคยมาเที่ยวมาเล่นมาเห็นหนองญาติเกือบชั่วชีวิต จำได้ว่าเมื่อ 50 ปีก่อน ทางครอบครัวพามากินข้าวป่า ( ปิกนิก ) มาเล่นน้ำจับปูจับปลา ที่ศาลากลางน้ำหนองญาติอยู่บ่อยๆ ก็ไม่เคยเจอเจ้าของหนองญาติ ออกมาเก็บค่าเข้าเหยียบหนองญาติสักที ก็เลยเกิดความอยากรู้ว่า ใครเป็นเจ้าของหนองญาติ
เมื่อความสงสัยรุมเร้ามากขึ้น จึงหอบสังขารและเอกสารที่เป็นหนังสือเลขที่ กก 0309.35 / 377 ดิ่งไปที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่นครพนม
วันนั้นโชคดี ที่ นส. จุฑามาศ จันทรสร เจ้าของหนังสืออยู่ จึงขอเข้าพบและได้ถามถึงหลักฐาน น.ส 3 และ สัญญาการซื้อขายหนองญาติ ตามที่เธอใช้อ้างถึงการนำหนองญาติขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ แรกๆเธอก็ยังตอบด้วยอารมณ์ดีและสารภาพว่า เอกสารที่ว่านั่น เธอไม่มีหรอก ถ้าอยากได้ก็ให้ไปขอที่กรมชลประทานเอาเอง แต่ทางกระทาชายนายนั้นก็ไม่ยอม บอกว่าเมื่อทางราชการอ้างถึงเอกสารใดๆก็น่าจะมีสิ่งนั้นเป็นประจักหลักฐานด้วย เป็นเหตุให้เธอชักสีหน้า แล้วคว้าแฟ้มที่อยู่ตรงหน้า ออกมาพัดปัดไล่กระทาชายนายนั้น ให้ออกจากห้องทำงานของเธอไปในทันที
เอวัง ความชอบธรรมในการเอาหนองญาติขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ
ก็มีด้วยประการ ฉะนี้ ท่านผู้ชม
จบมหาอุปรากร " นิรมิตรหนองญาติ - นิราศหนองเซา " องค์ที่ 2
ตอน " เมื่อ น.ส ไม่มี น.ส 3 ก็เลยงามหน้า กระทาชาย "