องค์ที่ 3 " ผู้ให้น้ำ จอมมายากลผู้ถลำลึก ไม่รู้ กลนึกนำ หรือ กรรมชักพา "
" ชล " แปลว่า น้ำ , " ประทาน " แปลว่า ให้ ดังนั้นเมื่อรวมคำว่า " ชลประทาน " ก็แปลว่า ผู้ให้น้ำ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ชะตากรรมที่ 1 ดลให้ กรมชลประทาน ขึ้นมาที่ นครพนม ก็เพราะหนองญาติหนองน้ำธรรมชาติ ( ขนาดพื้นที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ) เกิดเหตุน้ำท่วมบ้านเรือนราษฏร
รัฐบาลสมัยนั้น จึงอนุมัติที่สาธารณะน้ำท่วมถึงให้ 100 ไร่ ( อยู่หลังเทศบาลหนองญาติ ) เพื่อทำหัวงานอ่างเก็บน้ำ มีบ้านพักคนงาน และคลองส่งน้ำคอนกรีตยาว 2 กม.เพื่อระบายน้ำออกจากหนองญาติ
มายากล ที่ 1 หลังการทำระบบระบายน้ำให้หนองน้ำ " หนองญาติ " เสร็จในปี 2498 ก็บันทึกว่าหนองน้ำหนองญาตินั้นเป็น " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " มีเนื้อที่ 4,950 ไร่ เออ เก่งนะ ที่ทำไปทำมา หนองญาติ ก็มีเนื้อที่เพิ่มขึ้นตั้งเยอะ
มายากล ที่ 2 เกิดขึ้นในปี 2516 เมื่อเจ้าหน้าที่รังวัดของกรมชลประทานออกเดินสำรวจ " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " เพื่อจะออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ได้บันทึกว่า อ่างเก็บน้ำหนองญาติ มีเนื้อที่ 3,284 ไร่ ( อ้าว แล้วเนื้อที่หายไปไหนตั้ง 1,700 ไร่ ) และระบุที่มาของหนองญาติว่า ได้โดยการซื้อมาจากเจ้าของ มีสัญญาซื้อขาย มี นส. 3 เป็นหลักฐาน เรื่องนี้ใครจะเชื่อกรมชลประทาน ก็ตามใจนะ กลัวแต่ว่า ศาลปกครองอาจจะเชื่อเรื่องนี้ยากซักกะหน่อย
ชะตากรรม ที่ 2 จากการเดินสำรวจในครานั้นผ่านมาถึง 20 ปีเต็ม ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นในปี 2536 เมื่อรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม อาจหาญไปเซ็นต์ชื่อในหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงของ " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " แทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ทั้งที่อธิบดีกรมที่ดินได้มอบอำนาจ ( เฉพาะตัว ) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฯปฎิบัติราชการแทนในการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในเขตพื้นที่จังหวัดนั้นไปแล้ว ( คำสั่งมีผลตั้งแต่ปี 2535 )
มายากล ที่ 3 เกิดในปี 2540 เมื่อชลประทาน ได้ทำเรื่องโอน " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " ที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองญาติ เป็นผู้ดูแลแทน ทั้งๆที่รู้ว่า " ทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น จะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งกฏหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฏีกา " และแถมด้วยการลบชื่อ " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " ออกจากสาระบบในโครงการของสำนักงานชลประทานจังหวัดนครพนม
ชะตากรรม ที่ 3 ในปี 2545 กรมชลประทาน เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบกุลีกุจอรีบทำเรื่อง ส่งคืนที่ราชพัสดุ " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " คืนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ทั้งๆที่เพิ่งโอน " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " ให้ อบต.หนองญาติ ไปดูแลแทนเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เออ จะเอายังไงดีล่ะ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดมันก็ตรงที่ " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " นี้เพิ่งจะมาขึ้นทะเบียนเป็น " ที่ราชพัสดุ " อย่างถูกต้องสมบูรณ์ตามระเบียบกรมธนารักษ์ ก็ในปี 2546 นี้เอง
ในคำชี้แจงตอนหนึ่งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กรมชลประทานระบุว่า " ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์ในกิจการชลประทาน เมื่อไม่มีความจำเป็นในการใช้ประโยชน์แล้วเห็นสมควรส่งคืนให้แก่กรมธนารักษ์ "
ก็แปลกดีนะ งั้นแสดงว่า การโอนให้ อบต.หนองญาติ ก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้องล่ะสิ
หลักฐานนี้แสดงว่า เรื่องของ " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " ส่งมาที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่นครพนม ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ 2546 และถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ แปลงเลขที่ นพ 1347 เมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม พ.ศ 2546
ชะตากรรม ที่ 4 ในช่วงปี 2542- 43 ทั้งที่ส่งมอบโอน " อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " ให้ อบต.หนองญาติ ไปแล้ว กรมชลประทาน ก็ยังมีงบจ้างผู้รับเหมา 23 ล้าน ( ที่มีคดีฟ้องศาลฯ ) ให้ทำการขุดลอกหนองญาติ แล้วนำดินที่ได้ไปถมหนองญาติเพื่อรองรับสิ่งก่อสร้างในโครงการเมกะโปรเจคมูลค่านับพันล้าน เช่น ที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนมแห่งใหม่ , ถนนรอบหนอง , พิพิธภัณฑ์ , หอเฉลิมพระเกียรติฯ , ศูนย์โอทอปนครพนม , ศูนย์ฝึกฝีมือ ฯ , สวนเฉลิมพระเกียรติฯ และสนามกีฬาจังหวัดแห่งใหม่ ( เสียดายที่เอกสารเกี่ยวข้องหายไป จึงไม่มีแสดงประกอบ )
ชะตากรรม ที่ 5 นี่แหละที่เขาว่า " เหนือฟ้าชะตาลิขิต " ทั้งที่ศาลปกครองมีคำสั่งถึงกรมธนารักษ์ ห้ามมิให้อนุญาตผู้ใดเข้ามาใช้พื้นที่หนองญาติอีก แต่กรมชลประทาน โดยเฉพาะท่านอธิบดีฯ ก็บ่ยั่น แถมยังถูกหวย " ไทยเข้มแข็ง " อีกตั้งเกือบ 30 ล้าน เข้ามาทำโครงการขุดลอกหนองญาติ ( ครั้งที่ 2 ) และการป้องกันอุทกภัย ( ก็เป็นครั้งที่ 2 อีกนับแต่ปี 2494 )
จบมหาอุปรากร " เนรมิตหนองญาติ - นิราศหนองเซา " องค์ที่ 3
ตอน " ผู้ให้น้ำ จอมมายากลผู้ถลำลึก ไม่รู้ กลนึกนำ หรือ กรรมชักพา "