การใช้เงินโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลนายอภิสิทธิ ฯ ช่างเป็นข่าวที่สื่อนักข่าวชื่นชอบและนักการเมืองฝ่ายค้านกระหายให้ความสนใจมาก ดังนั้น ข่าวการใช้เงินไทยเข้มแข็ง ถึง 30 ล้านบาทมาขุดลอกหนองญาติ เพื่อป้องกันบรรเทาอุทกภัยให้หนองญาตินั้น เมื่อไหร่ที่คนนครพนมได้ยินได้ฟัง ก็ต้องขำกับคำขี้จุ๊ ต้องเอามือกดท้องกันตับไตใส้หลุด หัวร่อกันท้องคัดท้องแข็ง " ( พวกมรึง ) หาเรื่องแหลก อีกแล้ว "
ดังนั้นก่อนที่เรื่อง การป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจ สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยให้อยู่ดีกินดี และลดการสูญเสียจากการเกิดอุทกภัย โดยการปรับปรุงเขื่อน และพัฒนาแก้มลิงตลอดจนการพัฒนาระบบระบายน้ำ ที่หนองญาติ ตามที่อธิบดี กรมชลประทานบรรยายซะสวยหรู ( ว่าแต่ว่า ชาวหนองญาติ ชาวนครพนมที่กินข้าว ไม่ได้กินหญ้านี่ เขาจะเชื่อมั๊ยหละ ) จะโด่งดังแซงหน้าข่าวติ้วเสี่ยงระเบิด จีที 200 เอ๊ย ข่าวทุจริตอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์แพงที่กระทรวงสาธารณสุข เราลองมาซ้อมตั้งคำถาม (ก่อนการไล่ล่าหาความจริงจากนักข่าวและสื่อ) กับเจ้าของโครงการใครเข้มแข็ง เอ็ย ไทยเข้มแข็งนี้คือ นายชวลิต เอ๊ย นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กันดีมั๊ย
1. ในเมื่อกรมชลประทาน ได้โอน" อ่างเก็บน้ำหนองญาติ " ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ อบต.หนองญาติ ไปดูแลแทนแล้วตั้งแต่ปี 2540 โดยนิตินัย พูดถึงเรื่องอำนาจหน้าที่ ภารกิจและความสัมพันธ์ กับหนองญาติ ในทุกวันนี้ นั้นเป็นอย่างใด ? โอนแล้วโอนเลย รึว่า ถึงจะโอนให้แล้ว โอกาสหน้า ( ถ้ามีงานเข้า) พี่ ก็จะมาหาใหม่ ?
นี่คือ หนองน้ำที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างแท้จริง
เมื่อเทียบกับนี่ เขาทำอะไรกัน เพื่อใคร ?
3. โครงการนี้มีที่มาอย่างไร เช่น เหตุผลข้ออ้างในการคิดโครงการ มีเป้าประสงค์ทำเพื่ออะไร และความคุ้มค่าของเงินงบประมาณที่สูงถึง 30 ล้านกับงานที่ใช้เครื่องจักรมาขุดดิน แล้วตักดินใส่รถไปถมที่บนหนองน้ำ เช่นนี้5. คดีการบุกรุกหนองญาติของหน่วยราชการต่างๆ ได้มีการร้องเรียนไปยังหน่วยราชการอิสระตั้งแต่ปี 2548 เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน , กรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ , คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฯลฯ ก่อนมีการส่งเรื่องราวที่ว่า " หนองญาติ เป็นที่สาธารณะ มิใช่เป็นที่ราชพัสดุ เพื่อให้มีการเพิกถอนหนังสือสำคัญฯของหนองญาติ เสีย " ไปที่ศาลปกครองสูงสุด ( ซึ่งได้โอนเรื่องให้ศาลปกครอง ขอนแก่น และต่อมาได้ให้การคุ้มครอง ห้ามการเข้ามาใช้พื้นที่หนองญาติ ) ซึ่งต่อมาหน่วยงานดังกล่าวได้มีหนังสือตอบกลับมายังผู้ร้องเรียน ใจความว่า " เนื่องจาก การร้องเรียนนี้ได้อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองฯ แล้ว ทางเราจึงขอส่งคำร้องคืนและยุติการดำเนินการสอบสวนทั้งหมด ฯลฯ " นี่คือ การรับรู้ถึงอำนาจของศาล กระทั่งทางจังหวัดนครพนมหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเอง ก็ยังกริ่งเกรงในการนำเงินงบประมาณมาใช้ที่หนองญาตินี่ แล้วกรมชลประทาน ซึ่งก็เป็นเพียงหน่วยราชการธรรมดาหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงๆหนึ่งที่ไม่ได้มีอำนาจมากมาย ก็น่าจะทราบข่าว ศาลปกครองมีคำสั่งระงับโครงการต่างๆมูลค่านับพันนับหมื่นล้านที่มาบตาพุด ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ระดับชาติ แล้วในเรื่องนี้ทางกรมฯจะไม่เข้าใจคำว่า การไม่เคารพศาล รึ การละเมิดศาล กระนั้น หรือ
ขอให้ เอ็นจอย มื้อเย็นนี้ นะครับ บรรดาสื่อและนักข่าวทั้งหลาย
สวัสดี